AI ในการลงทุน: สิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดด ปัญญาประดิษฐ์ อย่าง (AI) ย่อมาจาก Artificial Intelligence ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลากหลายวงการ รวมถึงวงการการลงทุน นักลงทุนจำนวนมากเริ่มหันมาใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจลงทุน แต่ AI ก็ยังมีข้อจำกัดที่นักลงทุนควรตระหนัก

การใช้ AI ในการลงทุนนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน AI สามารถช่วยให้ข้อมูลเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน ข้อมูลที่ได้อาจไม่ทันสมัยหรือไม่ครอบคลุมพอสำหรับการตัดสินใจลงทุนจริง

AI ในการลงทุน สิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้2 01
AI ในการลงทุน สิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้

AI คืออะไร?

AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence คือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่มีความฉลาดเทียมที่สร้างขึ้นให้กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต เป็นสาขาหนึ่งของวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเครื่องจักรหรือระบบที่สามารถเลียนแบบกระบวนการคิด การกระทำ การใช้เหตุผล และการเรียนรู้ของมนุษย์

ความเป็นมาของ AI ในการลงทุน

  1. จุดเริ่มต้นแนวคิด:

    • แนวคิดเรื่อง “เครื่องจักรที่คิดได้” มีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ ราว 800-600 ปีก่อนคริสตกาล
  2. การบัญญัติศัพท์ “Artificial Intelligence”:

    • เกิดขึ้นในปี 1956 โดย John McCarthy ในการประชุมที่ Dartmouth College
  3. พัฒนาการสำคัญ:

    • 1950: Alan Turing เสนอ “Turing Test” ทดสอบความสามารถของเครื่องจักร
    • 1997: IBM’s Deep Blue เอาชนะแชมป์โลกหมากรุก
    • 2011: IBM Watson ชนะการแข่งขันตอบปัญหาในรายการ Jeopardy!
    • 2015: AlphaGo ของ DeepMind เอาชนะแชมป์โลกหมากล้อม
    • 2022: การเติบโตของแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ เช่น GPT-3 ของ OpenAI
  4. การประยุกต์ใช้ในการลงทุน:

    • เริ่มมีการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินอย่างจริงจังในช่วงต้นทศวรรษ 2010
    • ปี 2015: บริษัท AI Powered ETF เริ่มใช้ AI ในการคำนวณแนวโน้มหุ้น
    • ปัจจุบัน: AI มีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล การทำนายแนวโน้มตลาด และการให้คำแนะนำการลงทุน

สิ่งที่ AI ทำได้ในการลงทุน

  1. วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก:
    • AI สามารถประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว
    • วิเคราะห์แนวโน้มตลาดและผลประกอบการบริษัทจากข้อมูลย้อนหลัง
  2. ทำนายแนวโน้มตลาด:
    • ใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้ในอนาคต
    • ตัวอย่าง: AI Powered ETF ทำนายหุ้นที่จะทำกำไรสูงสุดใน 12 เดือนข้างหนา
  3. ให้คำอธิบายเบื้องต้น:
    • อธิบายคำศัพท์และแนวคิดด้านการลงทุนสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่
    • ตอบคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว
  4. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย:
    • ลดความจำเป็นในการปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับคำถามพื้นฐาน
    • ให้ข้อมูลเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  5. วิเคราะห์ความเสี่ยง:
    • ประเมินความเสี่ยงของการลงทุนโดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ
    • ช่วยในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

สิ่งที่ AI ทำไม่ได้หรือมีข้อจำกัดในการลงทุน

  1. ข้อมูลไม่ครอบคลุมปัจจุบัน:
    • ข้อมูลของ AI อาจไม่ทันสมัย เช่น ChatGPT มีข้อมูลถึงแค่ปี 2021
    • ไม่สามารถรับรู้เหตุการณ์ปัจจุบันที่อาจส่งผลต่อตลาดได้ทันที
  2. ไม่สามารถวิเคราะห์ความผันผวนแบบเรียลไทม์:
    • ตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว AI อาจไม่สามารถปรับตัวได้ทัน
    • ไม่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือข่าวด่วนได้ทันที
  3. ขาดวิจารณญาณและประสบการณ์:
    • AI ไม่มีประสบการณ์จริงในการลงทุนเหมือนนักลงทุนมืออาชีพ
    • ไม่สามารถใช้ “สัญชาตญาณ” หรือ “ความรู้สึก” ในการตัดสินใจ
  4. ไม่สามารถให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล:
    • AI ไม่สามารถพิจารณาสถานการณ์ส่วนตัวของนักลงทุนแต่ละคนได้อย่างลึกซึ้ง
    • ไม่สามารถปรับคำแนะนำตามเป้าหมายชีวิตหรือความต้องการเฉพาะของแต่ละคน
  5. ความน่าเชื่อถือยังไม่สมบูรณ์:
    • จากการสำรวจของ CNBC Your Money พบว่า 60% ของชาวอเมริกันไม่สนใจใช้ AI ให้คำแนะนำทางการเงิน
    • มีเพียง 4% ที่ยืนยันว่าใช้ AI ช่วยวางแผนทางการเงิน
  6. ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ:
    • AI ไม่สามารถรับผิดชอบทางกฎหมายหรือจริยธรรมต่อคำแนะนำที่ให้
    • นักลงทุนยังคงต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจลงทุนของตนเอง

สรุป

AI มีบทบาทสำคัญในการลงทุนสมัยใหม่ โดยช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล ทำนายแนวโน้ม และให้ข้อมูลเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม AI ยังมีข้อจำกัดในด้านความทันสมัยของข้อมูล การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และการให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล นักลงทุนจึงควรใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ทดแทนการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตนเองทั้งหมด การผสมผสานระหว่างความสามารถของ AI และประสบการณ์ของมนุษย์จะเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลงทุนในยุคดิจิทัล

AI มีประโยชน์มากในการให้ข้อมูลเบื้องต้นและช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถทดแทนการตัดสินใจและวิจารณญาณของนักลงทุนมนุษย์ได้ทั้งหมด นักลงทุนควรใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยเหลือ แต่ยังต้องพึ่งพาความรู้และประสบการณ์ของตนเองในการตัดสินใจลงทุนสุดท้าย

ที่น่าสนใจคือ จากผลสำรวจของ CNBC Your Money พบว่าชาวอเมริกันถึง 60% ไม่สนใจใช้ AI ในการให้คำแนะนำด้านการเงิน และมีเพียง 4% เท่านั้นที่ใช้ AI ช่วยวางแผนการเงิน สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนยังไม่เชื่อมั่นในความแม่นยำของข้อมูลจาก AI ทั้งหมด

สุดท้ายแล้ว AI เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนในการหาข้อมูลเบื้องต้นและวิเคราะห์แนวโน้มทั่วไป แต่สำหรับการตัดสินใจลงทุนที่สำคัญ นักลงทุนยังคงต้องใช้วิจารณญาณของตนเองเป็นหลัก การใช้ AI อย่างชาญฉลาดโดยตระหนักถึงข้อจำกัดจะช่วยให้นักลงทุนได้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้

 

สามารถนำภาพไปใช้ได้ แต่ให้อ้างอิงกลับมาที่เว็บไซต์ต้นฉบับนี้ด้วยก๊าบ ^^