การลงทุนในตลาดหุ้นต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย เพื่อช่วยในการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้รวบรวมแหล่งข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนสามารถเข้าถึงได้ฟรีและควรติดตามเป็นประจำทุกวัน โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ดังนี้ ข่าวและบทวิเคราะห์ 1.1 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เว็บไซต์ www.set.or.th เป็นแหล่งข้อมูลหลักที่ให้ข่าวสารเกี่ยวกับตลาดทุนไทยอย่างเป็นทางการ คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ และความเคลื่อนไหวในตลาดทุน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลสถิติการซื้อขาย ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ และข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุน 1.2 Settrade เว็บไซต์ www.settrade.com เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายหลักทรัพย์ชั้นนำของไทย นอกจากระบบซื้อขายแล้ว Settrade ยังมีบทวิเคราะห์ที่จัดทำโดยทีมนักวิเคราะห์มืออาชีพ ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดและหุ้นรายตัว รวมถึงเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ 1.3 eFinanceThai eFinanceThai เป็นเว็บไซต์ข่าวการเงินและการลงทุนที่ได้รับความนิยม นำเสนอบทวิเคราะห์ที่ครอบคลุมทั้งตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ รวมถึงข่าวสารเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการลงทุน ข้อมูลการลงทุนหุ้น 2.1 สถิติซื้อขายรายวัน เว็บไซต์ www.set.or.th/th/ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้บริการข้อมูลสถิติการซื้อขายรายวัน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพรวมของปริมาณการซื้อขายและความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในแต่ละวัน 2.2 Opportunity Day กิจกรรม Opportunity Day หรือ “บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน” เป็นช่องทางสำคัญที่บริษัทจดทะเบียนนำเสนอผลประกอบการและแผนธุรกิจต่อนักลงทุน คุณสามารถดูตารางกิจกรรมและข้อมูลย้อนหลังได้ที่เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ 2.3 รายงานประจำปี (56-1)………………….. [ 🐶==>อ่านรีวิวของน้องปั๊ก 🐶]
Category Archives: INFOGRAPHIC
การลงทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน แต่การเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับตนเองนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนักลงทุนแต่ละคนมีเป้าหมาย สถานะทางการเงิน และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้แตกต่างกัน บทความนี้จะแนะนำวิธีการเลือกสินทรัพย์ลงทุนที่เหมาะกับคุณ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้ พิจารณาสถานะทางการเงินปัจจุบัน 1.1 เงินสำหรับการลงทุนเตรียมไว้แล้วหรือยัง? คำถามแรกที่ควรถามตัวเองคือ “คุณได้เตรียมเงินแล้วสำหรับส่วนการลงทุนไหม?” เพราะจะเป็นตัวกำหนดสภาพคล่องทางการเงินของคุณ 1.1.1 กรณียังไม่ได้เตรียม: หากคุณยังไม่ได้รับโบนัส ให้พิจารณาต่อว่า “เงินเก็บมากกว่า 10 ล้านหรือไม่?” ถ้าใช่: แนะนำให้ลงทุนใน เงินฝากประจำ เพราะมีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนที่แน่นอน เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินเก็บจำนวนมากและต้องการรักษาเงินต้นไว้ ถ้าไม่ใช่: ควรเลือก เงินฝากไม่ประจำ เพื่อรักษาสภาพคล่อง เผื่อกรณีฉุกเฉินหรือโอกาสลงทุนในอนาคต 1.1.2 กรณีมีเงินสำหรับการลงทุนแล้ว: หากคุณได้รับโบนัสแล้ว ให้พิจารณาต่อว่า “คุณชอบความเสี่ยงหรือไม่?” ถ้าไม่ชอบความเสี่ยง: แนะนำให้ลงทุนใน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีลักษณะดังนี้ รับความเสี่ยงได้ปานกลาง มีสภาพคล่องปานกลาง ให้ผลตอบแทนในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ถ้าชอบความเสี่ยง: ให้พิจารณาต่อว่า “เงินสดพอหรือไม่?” ถ้าเงินสดไม่พอ: ควรเลือก กองทุนตลาดเงิน ซึ่งมีลักษณะดังนี้ มีความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง เหมาะสำหรับการลงทุนระยะสั้นหรือเก็บเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ถ้าเงินสดพอ:………………….. [ 🐶==>อ่านรีวิวของน้องปั๊ก 🐶]
ยุคที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงโลกการเงิน เงินดิจิทัลได้ก้าวขึ้นมาเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตามอง แม้จะเผชิญกับความผันผวนสูง แต่คริปโทเคอร์เรนซีกลับได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จากมูลค่าเพียงไม่กี่เซนต์ในปี 2010 บิทคอยน์ได้พุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดที่ 65,500 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักลงทุนทั่วโลก แต่อะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้เงินดิจิทัลยังคงเป็นที่หลงใหลท่ามกลางความไม่แน่นอน? บทความนี้จะพาคุณไขความลับของปรากฏการณ์ที่กำลังเขย่าวงการการเงินโลก ปรากฏการณ์เงินดิจิตอลในโลกการเงินสมัยใหม่ เงินดิจิตอล หรือที่รู้จักกันในชื่อ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางการเงินที่สำคัญในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่การเปิดตัวของบิทคอยน์ (Bitcoin) ในปี 2009 เงินดิจิตอลได้สร้างความตื่นตัวและความสนใจจากทั้งนักลงทุน ผู้บริโภค และภาคธุรกิจทั่วโลก แม้จะเผชิญกับความผันผวนของราคาอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง แต่เงินดิจิตอลก็ยังคงได้รับความนิยมและมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลก การเติบโตของเงินดิจิตอลเป็นไปอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบิทคอยน์ ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเพียง 5 เซ็นต์ในปี 2010 ไปจนถึงจุดสูงสุดที่ 65,500 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ราคาลดลงอย่างมากเช่นในปี 2022 แต่มูลค่าโดยรวมของตลาดเงินดิจิตอลยังคงอยู่ในระดับสูง โดย ณ ปลายปี 2022 มีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่เงินดิจิตอลยังคงได้รับความนิยม แม้จะมีความผันผวนสูง โดยจะพิจารณาทั้งในแง่ของเทคโนโลยี เศรษฐศาสตร์ สังคม และพฤติกรรมของนักลงทุน………………….. [ 🐶==>อ่านรีวิวของน้องปั๊ก 🐶]
ประวัติศาสตร์ของการฉ้อโกงแสดงให้เห็นถึงการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของเทคนิคและวิธีการที่ผู้ไม่หวังดีใช้เพื่อหลอกลวงผู้อื่น โดยมีการปรับตัวไปตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ตั้งแต่การฉ้อโกงประกันภัยในยุคกรีกโบราณ มาจนถึงการฉ้อโกงดิจิทัลในปัจจุบัน แม้ว่ารูปแบบและวิธีการจะเปลี่ยนไป แต่แก่นของการฉ้อโกงยังคงเหมือนเดิม นั่นคือการแสวงหาผลประโยชน์โดยการหลอกลวงผู้อื่น 300 ปีก่อนคริสตกาล: การฉ้อโกงประกันภัยครั้งแรกที่มีการบันทึก เฮเกสตราตอส พ่อค้าชาวกรีกโบราณ ได้คิดแผนการฉ้อโกงประกันภัยแบบ “bottomry” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการฉ้อโกงประกันภัยในประวัติศาสตร์ เขาวางแผนจมเรือเปล่าของตนเองเพื่อเก็บเงินกู้และสินค้าไว้ โดยหวังจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัย แต่แผนการณ์ล้มเหลวเมื่อถูกจับได้ขณะพยายามจมเรือ และเฮเกสตราตอสจมน้ำเสียชีวิตขณะพยายามหลบหนี เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการหาช่องทางฉ้อโกงระบบการเงินและประกันภัยตั้งแต่ยุคโบราณ ศตวรรษที่ 19 ยุคของน้ำมันงูและหมอเถื่อน ในช่วงนี้ การฉ้อโกงได้พัฒนารูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะในด้านการแพทย์และยา คลาร์ก สแตนลีย์ ที่รู้จักกันในนาม “ราชางู” ได้สร้างตำนานการหลอกลวงด้วยการขาย “น้ำมันงู” ซึ่งอ้างว่าเป็นยารักษาสารพัดโรค เขาใช้เทคนิคการตลาดและการแสดงสดเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน เช่น การผ่างูพิษสดๆ และต้มในน้ำเพื่อสกัดน้ำมัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผลิตภัณฑ์ของเขาไม่มีสรรพคุณทางการแพทย์ใดๆ การฉ้อโกงรูปแบบนี้แพร่หลายอย่างมากในยุคนั้น จนกระทั่งในปี 1917 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำการตรวจสอบและพบว่า “น้ำมันงู” ของสแตนลีย์เป็นเพียงส่วนผสมของน้ำมันแร่ ไขมัน และสารเติมแต่งบางอย่างเท่านั้น ต้นศตวรรษที่ 19 การฉ้อโกง “นักโทษสเปน” เริ่มต้นขึ้น ในยุคนี้ เกิดรูปแบบการฉ้อโกงที่ใช้จดหมายเป็นเครื่องมือหลัก………………….. [ 🐶==>อ่านรีวิวของน้องปั๊ก 🐶]
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดด ปัญญาประดิษฐ์ อย่าง (AI) ย่อมาจาก Artificial Intelligence ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลากหลายวงการ รวมถึงวงการการลงทุน นักลงทุนจำนวนมากเริ่มหันมาใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจลงทุน แต่ AI ก็ยังมีข้อจำกัดที่นักลงทุนควรตระหนัก การใช้ AI ในการลงทุนนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน AI สามารถช่วยให้ข้อมูลเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน ข้อมูลที่ได้อาจไม่ทันสมัยหรือไม่ครอบคลุมพอสำหรับการตัดสินใจลงทุนจริง AI คืออะไร? AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence คือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่มีความฉลาดเทียมที่สร้างขึ้นให้กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต เป็นสาขาหนึ่งของวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเครื่องจักรหรือระบบที่สามารถเลียนแบบกระบวนการคิด การกระทำ การใช้เหตุผล และการเรียนรู้ของมนุษย์ ความเป็นมาของ AI ในการลงทุน จุดเริ่มต้นแนวคิด: แนวคิดเรื่อง “เครื่องจักรที่คิดได้” มีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ ราว 800-600 ปีก่อนคริสตกาล การบัญญัติศัพท์ “Artificial Intelligence”: เกิดขึ้นในปี 1956 โดย John McCarthy ในการประชุมที่………………….. [ 🐶==>อ่านรีวิวของน้องปั๊ก 🐶]